การเลี้ยงกุ้งและการเลี้ยงปลาให้ประสบความสำเร็จต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพน้ำเป็นอันดับแรก น้ำเลี้ยงกุ้ง และ น้ำเลี้ยงปลา ที่เหมาะสมจะช่วยให้สัตว์น้ำเติบโตเร็ว แข็งแรง และลดความเสี่ยงจากโรคต่างๆ หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ต้องควบคุมคือ ค่าความกระด้างของน้ำ (GH) และค่าคาร์บอเนตความกระด้าง (KH) ซึ่งมีผลโดยตรงต่อสุขภาพของสัตว์น้ำ
GH และ KH คืออะไร? ทำไมต้องวัดค่าในบ่อเลี้ยงกุ้งและบ่อเลี้ยงปลา?
GH (General Hardness) หรือความกระด้างของน้ำทั้งหมด
ค่าความกระด้างของน้ำ (GH) หมายถึง ปริมาณแคลเซียม (Ca²⁺) และแมกนีเซียม (Mg²⁺) ที่ละลายอยู่ในน้ำ ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของกุ้งและปลา โดยเฉพาะกุ้งที่ต้องใช้แคลเซียมในการสร้างเปลือกใหม่หลังจากลอกคราบ
หากค่า GH ต่ำเกินไป:
- กุ้งลอกคราบไม่สมบูรณ์ เปลือกบางและเปราะ
- ปลาอาจมีปัญหาการเจริญเติบโตและกระดูกผิดรูป
- ระบบนิเวศในบ่อเลี้ยงปลาและบ่อเลี้ยงกุ้งเสียสมดุล
หากค่า GH สูงเกินไป:
- อาจทำให้เกิดตะกรันที่พื้นบ่อหรืออ่างปูนเลี้ยงกุ้งและอ่างปูนเลี้ยงปลา
- ลดประสิทธิภาพของระบบกรองน้ำและระบบเติมออกซิเจน
KH (Carbonate Hardness) หรือค่าคาร์บอเนตความกระด้าง
ค่าคาร์บอเนตความกระด้าง (KH) คือ ปริมาณของ คาร์บอเนต (CO₃²⁻) และไบคาร์บอเนต (HCO₃⁻) ที่มีอยู่ในน้ำ ซึ่งทำหน้าที่เป็นบัฟเฟอร์ ช่วยป้องกันค่า pH เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งสำคัญมากสำหรับการจัดการคุณภาพน้ำในบ่อเลี้ยงปลาและบ่อเลี้ยงกุ้ง
หากค่า KH ต่ำเกินไป:
- ค่า pH ของน้ำจะเปลี่ยนแปลงเร็ว เสี่ยงต่อ “pH Shock” ซึ่งเป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำ
- ทำให้สัตว์น้ำอ่อนแอและไวต่อโรค
หากค่า KH สูงเกินไป:
- ระบบน้ำอาจมีค่าบัฟเฟอร์สูงเกินไป ส่งผลให้การปรับค่า pH ทำได้ยาก
แล้ว Carbonate Hardness (KH) กับ Hardness (GH) ต่างกันอย่างไร ?
แล้ว Carbonate Hardness(KH) กับ Hardness(GH) ต่างกันอย่างไร?
ตารางเปรียบเทียบ
คุณสมบัติ | GH (General Hardness) | KH (Carbonate Hardness) |
---|---|---|
ประกอบด้วย | แคลเซียม (Ca²⁺), แมกนีเซียม (Mg²⁺) | คาร์บอเนต (CO₃²⁻), ไบคาร์บอเนต (HCO₃⁻) |
หน้าที่หลัก | ส่งผลต่อการเจริญเติบโตและลอกคราบของกุ้ง | ป้องกัน pH เปลี่ยนแปลงเร็ว |
ผลกระทบหากต่ำเกินไป | กุ้งลอกคราบไม่สมบูรณ์, ปลาเจริญเติบโตช้า | ค่า pH เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เสี่ยงต่อ pH Shock |
ผลกระทบหากสูงเกินไป | เกิดตะกรันในบ่อปลาและอ่างปูนเลี้ยงกุ้ง | ค่าบัฟเฟอร์สูงเกินไป ทำให้ปรับ pH ได้ยาก |
การควบคุมค่า GH และ KH ในบ่อเลี้ยงปลาและบ่อเลี้ยงกุ้ง
1. วิธีเพิ่มค่า GH และ KH
- เติมแร่ธาตุ เช่น ปูนขาว (Calcium Carbonate) และโดโลไมต์
- ใช้น้ำทะเลผสม (กรณีการเลี้ยงกุ้งน้ำกร่อย)
- ใช้ผลิตภัณฑ์ปรับค่าความกระด้างของน้ำโดยเฉพาะ
2. วิธีลดค่า GH และ KH
- ใช้ระบบกรองน้ำผ่านเรซินหรือสารกรองที่ช่วยลดแร่ธาตุในน้ำ
- เปลี่ยนน้ำบางส่วนเป็นน้ำที่มีความกระด้างต่ำ เช่น น้ำฝนหรือน้ำกรอง
วิธีตรวจวัดค่า GH และ KH ในบ่อเลี้ยงกุ้งและบ่อเลี้ยงปลา ด้วยเครื่องมือที่ใช้ตรวจวัด GH และ KH อย่างง่าย
AQUADUR® 3 – 25 → ใช้ตรวจวัดค่าความกระด้างของน้ำ (GH)
QUANTOFIX® Carbonate Hardness → ใช้ตรวจวัดค่าคาร์บอเนตความกระด้างของน้ำ (KH)
วิธีใช้ แถบทดสอบ GH และ KH
- จุ่มแถบทดสอบลงไปใน น้ำเลี้ยงกุ้ง หรือ น้ำเลี้ยงปลา เป็นเวลา 1-2 วินาที
- เขย่าเบา ๆ เพื่อล้างน้ำส่วนเกิน
- เปรียบเทียบสีที่เปลี่ยนแปลงกับตารางสีที่กำหนดเพื่ออ่านค่าที่แม่นยำ
สรุปแล้ว Carbonate Hardness(KH) กับ Hardness(GH) ต่างกันอย่างไร? ทำไมต้องควบคุม GH และ KH เพื่อให้บ่อเลี้ยงกุ้งและบ่อเลี้ยงปลามีคุณภาพน้ำที่เหมาะสม
- ค่า GH และ KH มีผลโดยตรงต่อสุขภาพของกุ้งและปลา
- GH ควบคุมปริมาณแคลเซียมและแมกนีเซียม ซึ่งจำเป็นต่อการลอกคราบของกุ้งและโครงสร้างของปลา
- KH ควบคุมค่า pH ของน้ำ และช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
- การวัดค่า GH และ KH เป็นประจำช่วยลดปัญหาน้ำเสีย และทำให้สัตว์น้ำเติบโตเร็วขึ้น
อย่าลืมตรวจสอบคุณภาพน้ำในบ่อกุ้งและบ่อปลาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าสภาพแวดล้อมเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำ
หากคุณกำลังมองหาวิธีที่ง่ายและแม่นยำในการตรวจสอบ น้ำเลี้ยงกุ้งและน้ำเลี้ยงปลา ขอแนะนำให้ใช้ AQUADUR® และ QUANTOFIX® ซึ่งเป็นแถบทดสอบที่ใช้งานง่าย สะดวก และให้ผลลัพธ์รวดเร็ว